Squid-Game

Squid Game (สควิดเกม เล่นลุ้นตาย) (2021)

เลือกตอน EP

รีวิวซีรีส์ Squid Game (สควิดเกม เล่นลุ้นตาย) (2021) – เกมเด็กเล่นที่เดิมพันด้วยชีวิตและจิตวิญญาณมนุษย์

Squid Game (สควิดเกม เล่นลุ้นตาย) คือซีรีส์เกาหลีแนวระทึกขวัญ ดราม่า เอาชีวิตรอด ที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกบน Netflix ในปี 2021 กำกับและเขียนบทโดย ฮวังดงฮยอก (Hwang Dong-hyuk) ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว และได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากแนวคิดที่แปลกใหม่ การเสียดสีสังคมที่เข้มข้น และการแสดงที่ทรงพลังของนักแสดงนำอย่าง อีจองแจ (Lee Jung-jae), พัคแฮซู (Park Hae-soo), จองโฮยอน (Jung Ho-yeon), โอยองซู (O Yeong-su), วีฮาจุน (Wi Ha-jun) และ อนุปาม ตรีปาติ (Anupam Tripathi)

เรื่องย่อ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ซองกีฮุน (Seong Gi-hun – อีจองแจ) ชายวัยกลางคนผู้ล้มเหลวในชีวิต ติดหนี้พนันก้อนโต ถูกปลดจากงาน และมีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เพื่อหาเงินมาผ่าตัดแม่ที่ป่วย และได้สิทธิ์ในการดูแลลูกสาว เขาตัดสินใจเข้าร่วม “เกม” ปริศนาที่ถูกจัดขึ้นอย่างลับๆ โดยมีเงินรางวัลมหาศาล 45,600 ล้านวอน เป็นเดิมพัน

กีฮุนและผู้เข้าร่วมเกมอีก 455 คน ล้วนเป็นคนสิ้นหวังที่จมปลักอยู่ในหนี้สิน และต้องการโอกาสสุดท้ายในการเปลี่ยนแปลงชีวิต พวกเขาทั้งหมดถูกพาไปยังสถานที่ลับที่ไม่รู้จัก และต้องเข้าร่วมการแข่งขันเกมเด็กเล่นพื้นบ้านของเกาหลี 6 ด่าน แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้แตกต่างออกไปคือ ผู้แพ้จะต้องตาย

ท่ามกลางเกมที่ดูไร้เดียงสาแต่แฝงไปด้วยความโหดร้าย ผู้เข้าร่วมต้องเผชิญหน้ากับความกลัว ความโลภ การทรยศหักหลัง และสัญชาตญาณดิบในการเอาตัวรอด พวกเขาต้องตัดสินใจเลือกระหว่างการช่วยเหลือเพื่อนร่วมชะตากรรม หรือการกำจัดคู่แข่งเพื่อก้าวไปสู่ชัยชนะเพียงหนึ่งเดียว

ซีรีส์ยังเล่าเรื่องราวคู่ขนานของ ฮวังจุนโฮ (Hwang Jun-ho – วีฮาจุน) ตำรวจหนุ่มที่แอบแทรกซึมเข้าไปในสถานที่จัดเกมเพื่อตามหาพี่ชายที่หายตัวไป และได้ค้นพบความจริงอันน่าตกใจเบื้องหลังการแข่งขันอันอำมหิตนี้

สิ่งที่น่าสนใจใน Squid Game:

  • แนวคิดที่แปลกใหม่และน่าสนใจ: การนำเกมเด็กเล่นที่ดูไร้เดียงสามาพลิกให้กลายเป็นเกมเอาชีวิตรอดที่โหดเหี้ยม คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชม

  • การเสียดสีสังคมและชนชั้น: ซีรีส์ตีแผ่ประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความสิ้นหวังของคนจน และความมืดมิดของมนุษย์ได้อย่างเฉียบคม โดยแสดงให้เห็นว่าภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้น เงินสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจคนได้อย่างไร และการที่คนรวยใช้ชีวิตคนจนเป็น “เกม” เพื่อความบันเทิงของตนเอง

  • งานภาพและโปรดักชันที่ยอดเยี่ยม: การออกแบบฉาก สีสันที่สดใสแต่แฝงด้วยความหม่นหมอง รวมถึงการสร้างสรรค์เกมแต่ละด่าน ทำออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์และน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นห้องพักรวมของผู้เข้าแข่งขัน หรือสนามเด็กเล่นขนาดมหึมา

  • การแสดงอันทรงพลังของนักแสดง:

    • อีจองแจ ในบทกีฮุน ถ่ายทอดความรู้สึกของชายผู้สับสน ความโลภ ความหวาดกลัว และความมีมนุษยธรรมได้อย่างสมจริง ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงและเอาใจช่วยตัวละครนี้ได้

    • นักแสดงคนอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นพัคแฮซูในบทซังอู เพื่อนผู้ฉลาดแกมโกง, จองโฮยอนในบทคังแซบยอก สาวแกร่งผู้ลี้ภัย หรือโอยองซูในบทผู้เล่นหมายเลข 001 ผู้เฒ่าลึกลับ

  • ความตึงเครียดที่บีบคั้นและคาดเดาไม่ได้: ซีรีส์สร้างความตึงเครียดได้ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกและคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ใครจะรอด ใครจะตาย และใครคือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง

ข้อสังเกต

  • ความสมเหตุสมผลในบางจุด: แม้ว่าโดยรวมจะยอดเยี่ยม แต่บางครั้งการตัดสินใจของตัวละครหรือเหตุการณ์บางอย่างก็อาจดูไม่สมเหตุสมผลนักเพื่อขับเคลื่อนพล็อต

  • ความรุนแรงและฉากที่น่ากลัว: ซีรีส์มีการนำเสนอฉากความรุนแรง เลือด และความตายอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ชมที่อ่อนไหว

สรุป

Squid Game (สควิดเกม เล่นลุ้นตาย) ไม่ใช่แค่ซีรีส์ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ทำให้โลกต้องหันมามองซีรีส์เกาหลีอย่างจริงจัง ด้วยแนวคิดที่สดใหม่ การเสียดสีสังคมที่เจ็บแสบ และการแสดงอันน่าทึ่ง ซีรีส์เรื่องนี้มอบประสบการณ์การรับชมที่น่าจดจำและชวนให้กลับมาคิดทบทวนถึงคุณค่าของชีวิต มนุษยธรรม และความหมายของ “เงิน” หากคุณยังไม่เคยดู นี่คือซีรีส์ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

คะแนน: 8.5/10

คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ Squid Game ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายทั่วโลกครับ?